장바구니담기 닫기
장바구니에 상품이 정상적으로 담겼습니다.
지금 장바구니를 확인하시겠습니까?
Aftercare

ข้อควรระวังหลังการทำหัตถการ

  • ครีมบรรเทาอาการฟกช้ำ , ครีมบรรเทาอาการระคายเคือง
  • คำแนะนำการใช้แผ่นแปะดูโอเดิร์ม (Duoderm) หลังลบรอยดำ, ฟิลเลอร์ หรือร้อยไหม
  • คำแนะนำหลังฉีดผิวหนัง (Water Glow, Rejuran Healer, ฉีดลดริ้วรอย และฟื้นฟูผิว)
  • คำแนะนำหลังทำเลเซอร์ / การดูแลผิว
  • คำแนะนำหลังฉีดสลายไขมัน
  • คำแนะนำหลังทำ New Aladdin Peeling
  • คำแนะนำหลังทำเลเซอร์ CO2 (ฝ้า กระ ไฝ หูดติ่งผิวหนัง ฯลฯ)
  • คำแนะนำหลังทำเลเซอร์จัดตำแหน่งไขมันใต้ตา
  • คำแนะนำหลังทำ HIFU
  • ข้อควรระวังหลังทำร้อยไหม
  • ข้อควรระวังหลังทำทรีตเมนต์ด้วยคลื่นวิทยุ (RF)
  • ข้อควรระวังสำหรับการปรับรูปทรงร่างกาย / การจัดการโรคอ้วน
  • ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์
  • ข้อควรระวังหลังฉีดโบท็อกซ์
  • ข้อควรระวังหลังใช้ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase)
  • ข้อควรระวังหลังทำเลเซอร์กำจัดขน
  • ข้อควรระวังหลังทำ Pico Fraxel
  • ข้อควรระวังหลังทำการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด J-Cell
  • ครีมบรรเทาอาการฟกช้ำ
  • ครีมบรรเทาอาการระคายเคือง
  1. ครีมบรรเทาอาการฟกช้ำช่วยบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ และเร่งการหายของรอยฟกช้ำ
  2. ทาครีมบริเวณที่มีรอยฟกช้ำหลายครั้งต่อวันตามความจำเป็นเพื่อช่วยให้รอยฟกช้ำหายเร็วขึ้น
  3. อาจรู้สึกเย็นหรือรู้สึกซ่าที่ผิวหนังเนื่องจากคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์
  4. ห้ามใช้หากแพ้กรดซาลิไซลิกหรือเฮปารินโซเดียม
  5. ใช้เฉพาะเมื่อมีอาการเท่านั้น
  1. ครีมบรรเทาอาการระคายเคืองช่วยลดอาการแดง คัน และแสบร้อนหลังการทำหัตถการ
  2. ทาครีมวันละ 1-2 ครั้งบริเวณที่มีอาการแดง คัน หรือแสบร้อนเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นฟูเร็วขึ้น
  3. ห้ามใช้บริเวณที่ผิวหนังลอกหรือมีบาดแผลเปิด
  4. เนื่องจากมีสเตียรอยด์ในปริมาณเล็กน้อย ห้ามใช้หากแพ้สารนี้
  5. ครีมนี้ไม่ใช่ครีมบำรุงผิวหรือเครื่องสำอาง ห้ามใช้แทนครีมบำรุงผิว
  6. ใช้เฉพาะเมื่อมีอาการเท่านั้น
  • คำแนะนำการใช้แผ่นแปะดูโอเดิร์ม (Duoderm) หลังลบรอยดำ, ฟิลเลอร์ หรือร้อยไหม
  1. หากไม่มีคำแนะนำอื่น ควรเปลี่ยนแผ่นแปะทุก 1–2 วัน และใช้ต่อเนื่องประมาณ 7 วัน (หากแพทย์แนะนำแตกต่าง กรุณาปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์)
  2. หากมีอาการแพ้ เช่น คัน หรือระคายเคือง ให้ลอกแผ่นแปะออกทันที และทายาที่แพทย์สั่ง
  3. กรณีลบรอยดำหรือหูดใต้ตา ให้ทายาแก้อักเสบตามคำแนะนำเท่านั้น ไม่ควรใช้แผ่นแปะ
  4. สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ขณะติดแผ่นแปะอยู่
  5. สามารถซื้อ DuoDerm ได้ที่ร้านขายยา
  • คำแนะนำหลังฉีดผิวหนัง (Water Glow, Rejuran Healer, ฉีดลดริ้วรอย และฟื้นฟูผิว)
  1. หลังการฉีด อาจรู้สึกอุ่น แดง ปวด หรือบวมบริเวณที่ฉีด กรุณาอย่าถูหรือขัดบริเวณนั้น การประคบเย็นจะช่วยบรรเทาอาการได้ ถ้ามียาที่คลินิกให้มา กรุณาทายาตามคำแนะนำ หากอาการรุนแรงหรือแย่ลง กรุณาติดต่อคลินิกทันที
  2. อาจมีรอยช้ำและรอยเข็มเห็นชัดเจนในช่วงแรก แต่จะค่อยๆ จางลงเอง การใช้ครีมวิตามินเคจะช่วยเร่งการหายของรอยช้ำได้
  3. อาจมีตุ่มเล็ก ๆ ที่บริเวณฉีด ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติขณะที่ตัวยากำลังซึมเข้าสู่ผิว ตุ่มเหล่านี้จะหายไปภายใน 1–3 วัน
  4. สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังฉีด แต่ควรแต่งหน้าเบา ๆ ในวันแรก และสามารถกลับมาใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวตามปกติได้หลังจาก 3 วัน ล้างหน้าได้หลังจาก 1 ชั่วโมงโดยใช้วิธีล้างหน้าอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการระคายเคืองหรือสัมผัสสิ่งสกปรกที่บริเวณที่ฉีด
  5. ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย ซาวน่า หรือกิจกรรมที่ทำให้เกิดเหงื่อหรือความร้อนบนใบหน้า อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังฉีด
  6. ควรทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปกป้องผิวบริเวณที่ฉีด
  7. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้แผลหายช้าลง โดยเฉพาะการสูบบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดหดตัวซ้ำ ๆ เสี่ยงต่อการทำลายหลอดเลือดเล็ก ๆ และทำให้ผิวแก่เร็ว โปรดระมัดระวัง
  • คำแนะนำหลังทำเลเซอร์ / การดูแลผิว
  1. หลังทำเลเซอร์ อาจรู้สึกอุ่น แสบ หรือผิวแดงชั่วคราว อาการเหล่านี้มักจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 2–4 วัน แต่ระยะเวลาจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล การประคบเย็นเบา ๆ จะช่วยบรรเทาอาการได้
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ (เช่น โทนเนอร์ทั่วไป) ประมาณ 3 วันหลังทำเลเซอร์ และงดใช้สารที่อาจระคายเคืองผิว เช่น ผลิตภัณฑ์ลดเม็ดสีหรือการลอกผิวทางเคมี ประมาณ 1 สัปดาห์
  3. ผิวอาจแห้งมากหลังทำเลเซอร์ ดังนั้นควรทาครีมบำรุงและมอยส์เจอไรเซอร์อย่างเพียงพอ
  4. งดกิจกรรมที่ทำให้ใบหน้าเกิดความร้อน เช่น ซาวน่า การออกกำลังกายหนัก และดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
  5. อาจเกิดสะเก็ดแผลหลังทำเลเซอร์ อย่าลอกหรือแกะสะเก็ด ให้หลุดลอกไปเองตามธรรมชาติ
  6. เม็ดสีผิวอาจเข้มขึ้นชั่วคราว และอาจมีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายสิวเกิดขึ้นจากการกระตุ้นของเลเซอร์ หลีกเลี่ยงการเกาหรือสัมผัสบริเวณนั้นเพราะจะทำให้อาการแย่ลง
  7. ต้องทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ การทาครีมกันแดดเพียงครั้งเดียวในตอนเช้าอาจไม่เพียงพอ จึงแนะนำให้ใช้สเปรย์กันแดดทับเมคอัพด้วย แสงยูวีสามารถทำให้เกิดรอยด่างดำที่อาจอยู่ได้นานเป็นเดือน จึงควรระวังอย่างมาก
  8. หลังทำเลเซอร์ ควรหลีกเลี่ยงการถูผิวหน้ามากเกินไปก่อนและหลังแต่งหน้า มาสก์บำรุงความชุ่มชื้นจะช่วยได้มากกว่าการนวดหน้า สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวด่างดำ การถูผิวจะทำให้อาการเลวร้ายขึ้น
  9. หากมีอาการร้อนมาก คัน ผื่นลมพิษ มีน้ำซึมหรือเป็นตุ่มพอง หรือสงสัยว่าแพ้ กรุณาติดต่อคลินิกทันที
  • คำแนะนำหลังฉีดสลายไขมัน
  1. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป การสูบบุหรี่ การออกกำลังกาย ซาวน่า หรืออาบน้ำร้อน เป็นเวลา 7–10 วันหลังทำการฉีด เพราะกิจกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดการอักเสบได้
  2. การนวดเบา ๆ บริเวณที่ฉีดจะช่วยกระตุ้นผลลัพธ์ให้ดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการนวดกดแรง ๆ เช่น การนวดกดจุด
  3. บริเวณที่ฉีดอาจมีรอยช้ำ บวม แดง เจ็บ หรือคันได้ อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นภายใน 3–4 วัน แต่บางคนอาจมีอาการนานกว่านั้นถึง 1 สัปดาห์
  4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ และระวังการโดนแดดจนกว่าอาการบวมและแดงจะหายไป
  5. บางคนอาจรู้สึกเวียนศีรษะหรือคลื่นไส้เล็กน้อยจากยาที่ใช้ หากเกิดอาการนี้ ควรหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวหนัก และพักผ่อนให้เพียงพอ
  • คำแนะนำหลังทำ New Aladdin Peeling
  1. ตั้งแต่วันทำการรักษา บริเวณที่ได้รับการรักษาอาจรู้สึกร้อน มีอาการบวม แสบ และแดง ประมาณ 1–2 วัน ผิวอาจดูหมองคล้ำประมาณ 3 วัน
  2. ในช่วง 3–5 วันหลังทำการรักษา อาจมีอาการคันและมีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายเม็ดข้าวฟ่างปรากฏขึ้น เนื่องจากผิวหนังเก่ากำลังลอกออก อาจทำให้ผิวแห้งและตึงได้ชั่วคราว กรุณาอย่ากระตุ้นหรือลอกผิวที่ลอกออกด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้เกิดแผลหรือรอยด่างดำได้
  3. ผิวอาจแห้งมากหลังทำการรักษา ควรทาครีมบำรุงความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสครับขัดผิวระหว่างการล้างหน้า หรืออาบน้ำ
  4. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ร้อน เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ดื่มแอลกอฮอล์ ประมาณ 1 สัปดาห์
  5. ทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด ทาเพียงครั้งเดียวในตอนเช้าไม่เพียงพอ ควรใช้สเปรย์กันแดดทาทับเมคอัพด้วย การโดนแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้เกิดรอยด่างดำที่อยู่ได้นานเป็นเดือน ๆ จึงควรระมัดระวังอย่างยิ่ง
  6. หากมีอาการร้อน แสบ คัน เป็นผื่น ลอก เป็นตุ่มน้ำ หรือสงสัยว่าเกิดอาการแพ้ ให้ติดต่อคลินิกทันที
  7. หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณที่รักษาเป็นเวลา 24 ชั่วโมงหลังทำการรักษา
  • คำแนะนำหลังทำเลเซอร์ CO2 (ฝ้า กระ ไฝ หูดติ่งผิวหนัง ฯลฯ)
  1. ในวันทำหัตถการ หลีกเลี่ยงการโดนน้ำบริเวณที่ทำการรักษา ตั้งแต่วันถัดไป สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ
  2. แผ่นปิดแผล (Duoderm) จะดูดซึมของเหลวและอาจพองตัวหรือเปลี่ยนเป็นสีขาวได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแผ่นทุกครั้งที่พอง แค่เปลี่ยนวันละครั้งก็เพียงพอ
  3. หากได้รับยาทา ให้ทาบาง ๆ บริเวณที่ทำการรักษาวันละ 2 ครั้ง (เช้าและเย็น)
  4. หลังทำอาจมีสะเก็ดเกิดขึ้น ห้ามแกะสะเก็ด ให้รอให้หลุดออกเองตามธรรมชาติ
  5. หลีกเลี่ยงซาวน่า อาบน้ำร้อน สูบบุหรี่จัด และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้แผลหายช้า
  6. บางครั้งรอยด่างดำอาจเข้มขึ้นชั่วคราว และอาจมีตุ่มเล็กคล้ายสิวเกิดขึ้นเนื่องจากการกระตุ้นของเลเซอร์ ห้ามเกาหรือสัมผัสบริเวณที่ทำการรักษา เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้
  7. ทาครีมกันแดดอย่างเคร่งครัด การทาแค่ครั้งเดียวตอนเช้าไม่เพียงพอ แนะนำให้ใช้สเปรย์กันแดดทาทับเมคอัพด้วย การโดนแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้เกิดรอยด่างดำอยู่ได้นานเป็นเดือน ๆ จึงควรระวังอย่างยิ่ง
  8. หลังทำ หลีกเลี่ยงการถูหรือขัดผิวแรง ๆ ก่อนและหลังแต่งหน้า
  9. หากมีอาการร้อนจัด คัน เป็นผื่น มีน้ำซึมหรือตุ่มพอง หรือสงสัยว่าเกิดอาการแพ้ กรุณาติดต่อคลินิกทันที
  • คำแนะนำหลังทำเลเซอร์จัดตำแหน่งไขมันใต้ตา
  1. บริเวณที่ทำการรักษาอาจมีอาการเจ็บ ช้ำ หรือบวมชั่วคราว โดยความรุนแรงจะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
  2. อาการบวมและเจ็บจะค่อย ๆ ทุเลาภายในประมาณ 1 สัปดาห์ แต่รอยช้ำอาจอยู่ได้นานกว่า
  3. หลีกเลี่ยงการถูหรือกดบริเวณที่ทำการรักษาแรง ๆ
  4. ในบางกรณีที่เกิดการอักเสบ อาจทำให้เกิดรอยด่างดำบริเวณนั้น ซึ่งรอยด่างดำนี้อาจอยู่ได้นานหลายเดือน
  5. เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดการอักเสบ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 1–2 สัปดาห์หลังทำหัตถการ
  6. หากมีอาการปวดรุนแรง บวมเพิ่มขึ้น หรือมีอาการผิดปกติใด ๆ บริเวณที่ทำการรักษา กรุณาติดต่อคลินิกทันที
  • คำแนะนำหลังทำ HIFU
  1. หลังทำอาจมีอาการผิวแดง ร้อน บวม คัน ปวดชั่วคราว หรือเกิดตุ่ม สิวลมพิษ ผิวลอก หรือจุดนูนเล็ก ๆ คล้ายรอยแผลเป็นบริเวณผิวหนังที่รับการรักษา
  2. หลังทำ ควรบำรุงผิวด้วยครีมเพิ่มความชุ่มชื้นหรือครีมฟื้นฟู และทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  3. สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังทำ แต่ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ และงดทำทรีตเมนต์ลอกผิวหรือขัดผิวประมาณ 1–2 สัปดาห์ รวมถึงงดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกหรือผิวหน้าเกิดความร้อน เช่น การออกกำลังกาย ซาวน่า หรือแช่น้ำร้อน ในช่วงเวลาดังกล่าว
  4. ผลการยกกระชับจะไม่เห็นทันที เพราะคอลลาเจนและอีลาสตินจะฟื้นฟูและสร้างใหม่ภายใน 2–3 เดือน และผลลัพธ์เต็มที่จะเห็นประมาณ 3–6 เดือนหลังทำ
  5. แม้จะพบได้ยาก แต่บางรายอาจมีอาการชา ปวด หรือความรู้สึกผิดปกติบริเวณหน้าผากหรือรอบปาก เนื่องจากเส้นประสาทบริเวณใบหน้า ซึ่งอาการเหล่านี้จะดีขึ้นภายใน 1–2 เดือน
  6. อาจรู้สึกมีก้อนแข็งเล็ก ๆ บริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งเกิดจากจุดที่อัลตราซาวด์ทำปฏิกิริยา โดยก้อนเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปประมาณ 4 สัปดาห์
  • ข้อควรระวังหลังทำร้อยไหม
  1. หลังทำอาจมีอาการบวม ปวด หรือเขียวช้ำเล็กน้อยได้ โดยระดับความรุนแรงแตกต่างกันในแต่ละคน
  2. อาการบวมและปวดมักจะดีขึ้นภายใน 3–7 วัน แต่รอยช้ำอาจอยู่ได้นานกว่านั้น
  3. หากทำที่กรอบหน้า หรือร่องแก้ม อาจรู้สึกเจ็บเวลาขยับกล้ามเนื้อรอบปาก เช่น เวลากินข้าวหรือพูดคุย บางครั้งอาจรู้สึกชาหรือเหมือนมียุบๆ (จากเส้นประสาทถูกกระตุ้น) แต่ส่วนใหญ่จะหายไปเองเร็วๆ นี้
  4. ในบางกรณีอาจเกิดการอักเสบซึ่งทำให้เกิดรอยด่างหรือสีผิวเปลี่ยนแปลงได้ (รอยด่างอาจอยู่ได้นานเป็นเดือน)
  5. เส้นไหมจะไม่ละลายทันทีหลังทำ อาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือมีอาการเหมือนมีก้อนเวลาพูด เคี้ยว หรือเวลาล้างหน้า เป็นเวลาประมาณ 1 เดือน
  6. เพื่อป้องกันการอักเสบ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ประมาณ 1–2 สัปดาห์
  7. บริเวณที่มีกล้ามเนื้อขยับบ่อย อาจมีเส้นไหมโผล่ออกมานอกผิวหนังได้ หากเกิดขึ้นให้ติดต่อคลินิกทันที
  8. สามารถทำการนวดกดจุดหรือนวดน้ำเหลืองได้หลังจาก 2 เดือน
  9. พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อช่วยให้คอลลาเจนสร้างตัวดีขึ้น และควรรักษาท่านอนที่เหมาะสมประมาณ 1 สัปดาห์หลังทำ
  • ข้อควรระวังหลังทำทรีตเมนต์ด้วยคลื่นวิทยุ (RF)
  1. บางครั้งอาจมีอาการแดง ร้อน บวม คัน เจ็บชั่วคราว สิว ผื่นลมพิษ ผิวลอก หรือเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ คล้ายรอยแผลเป็นบริเวณผิวที่ทำการรักษา
  2. หลังทำทรีตเมนต์ควรบำรุงผิวด้วยครีมให้ความชุ่มชื้นหรือครีมบำบัดผิว และอย่าลืมทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
  3. สามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังทำ แต่ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ ใช้ทรีตเมนต์ลอกผิว หรือขัดผิวประมาณ 1–2 สัปดาห์ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกหรือเกิดความร้อนบริเวณใบหน้า เช่น ออกกำลังกาย เข้าซาวน่า หรืออาบน้ำอุ่นจัดในช่วงนี้
  4. ผลลัพธ์บางส่วนอาจเห็นได้ทันทีหลังทำ แต่การสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน รวมถึงการยกกระชับ จะเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ ภายในประมาณ 1 เดือน
  5. ควรหลีกเลี่ยงการประคบร้อนหรือเย็นจัดเกินไปเป็นเวลา 1–2 วันหลังทำทรีตเมนต์
  6. สำหรับทรีตเมนต์ RF ด้วยเครื่อง InMode มักไม่รบกวนกิจวัตรประจำวัน แต่บางคนอาจพบรอยแดงหรือรอยช้ำคล้ายฟกช้ำบริเวณโหนกแก้ม แก้ม หรือขากรรไกร ซึ่งมักจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์
  • ข้อควรระวังสำหรับการปรับรูปทรงร่างกาย / การจัดการโรคอ้วน
  1. หลังรับการฉีดอาจมีอาการใจสั่น มือสั่น คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดหัว หรือหลับยากได้
  2. ขึ้นอยู่กับชนิดของการฉีด อาจทำให้ประจำเดือนผิดปกติในช่วงระยะเวลาการรักษา
  3. อาจมีอาการคัน ช้ำ บวม หรือเจ็บชั่วคราวบริเวณที่ฉีด
  4. ในบางกรณีที่พบได้น้อย อาจเกิดสีผิวผิดปกติบริเวณที่รักษา และอาจคงอยู่ได้เป็นเวลาหลายเดือน
  5. เพื่อป้องกันการอักเสบ ควรงดอาบน้ำ ว่ายน้ำ เข้าซาวน่า และงดดื่มแอลกอฮอล์ในวันรับการรักษา
  6. หากมีอาการร้อนมาก คัน ผื่นลมพิษ หรืออาการผิดปกติรุนแรงบริเวณที่รักษา กรุณาติดต่อคลินิกทันที
  • ข้อควรระวังหลังฉีดฟิลเลอร์
  1. อาจมีอาการปวด บวม หรือช้ำบริเวณที่ฉีดได้ชั่วคราว โดยความรุนแรงจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
  2. อาการบวมและปวดมักจะดีขึ้นภายใน 3–7 วัน แต่รอยช้ำอาจใช้เวลานานกว่านั้น
  3. ในคนที่มีผิวบาง ฟิลเลอร์อาจมองเห็นหรือรอยบุ๋มผ่านผิวได้
  4. ในบางกรณีที่พบได้น้อย อาจเกิดการอักเสบซึ่งอาจทำให้เกิดสีผิวผิดปกติ (สีผิวผิดปกติอาจอยู่ได้นานเป็นเดือน)
  5. เพื่อลดความเสี่ยงในการอักเสบ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และเลิกสูบบุหรี่ประมาณ 1–2 สัปดาห์
  6. รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน รวมทั้งยาปฏิชีวนะและยาระงับปวด เพื่อป้องกันการอักเสบและบรรเทาอาการเจ็บปวด
  7. หากฉีดฟิลเลอร์จมูก โปรดระวังเมื่อต้องใส่แว่น เพราะแรงกดจากแว่นอาจทำให้รูปทรงเปลี่ยนแปลงได้
  8. หากฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม (รอยยิ้ม) ควรหลีกเลี่ยงการอ้าปากกว้างเกินไปเวลาหัวเราะ เพราะฟิลเลอร์อาจเคลื่อนตัวขึ้นไปบริเวณใต้ตาได้
  9. หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ การกระแทก หรือกดทับบริเวณที่ฉีดจนกว่าฟิลเลอร์จะเซ็ตตัว
  10. หลีกเลี่ยงการสัมผัสซ้ำๆ บริเวณที่ฉีด เพราะอาจเสี่ยงติดเชื้อหรือทำให้รูปทรงเปลี่ยนแปลงได้ ควรระวังอย่างน้อย 2 สัปดาห์
  11. แม้จะพบได้น้อย แต่ก็มีความเสี่ยงเกิดเนื้อตายหรือสูญเสียการมองเห็น หากมีอาการผิดปกติหรือไม่สบายใจใดๆ กรุณาติดต่อคลินิกทันที
  • โบท็อกซ์กราม
  • โบท็อกซ์ลดริ้วรอย
  • โบท็อกซ์สำหรับร่างกาย
  1. หลังฉีดทันทีหรือต่อเนื่องในไม่กี่วัน กล้ามเนื้อกรามอาจดูเด่นชัดขึ้นชั่วคราว หรือกล้ามเนื้อที่ใช้เคี้ยวอาจอ่อนแรง คุณอาจรู้สึกปวดตื้อบริเวณที่ฉีด ทำให้เปิดปากกว้างลำบาก อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นเองภายใน 3–7 วัน
  2. เพื่อยืดผลลัพธ์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานกล้ามเนื้อกรามหนัก ๆ หรือการกินอาหารที่ต้องเคี้ยวนานหรือใช้แรงมาก
  1. ในบางกรณีหลังฉีดโบท็อกซ์ที่หน้าผากหรือตรงหว่างคิ้ว คุณอาจรู้สึกว่าคิ้วถูกยกขึ้นจนหนักหน่วง อาการหนังตาตก (ตาปรือ) อาจเกิดขึ้นและใช้เวลาประมาณ 2–4 สัปดาห์จึงจะดีขึ้น
  1. อาจเกิดอาการอ่อนแรงชั่วคราวและปวดตื้อหลังฉีด กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับการรักษาอาจดูเด่นชัดขึ้น แต่จะดีขึ้นเองตามธรรมชาติ
  2. เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดอย่างหนัก
  3. การกระจายของโบท็อกซ์จะแตกต่างกันในแต่ละบุคคล บางครั้งอาจทำให้เกิดการแสดงสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติ หรือรู้สึกหนักตาจนเปิดตาได้ลำบาก อาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
  • ข้อควรระวังหลังใช้ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase)
  1. อาจมีอาการปวด บวม หรือเขียวช้ำบริเวณที่ฉีด ซึ่งความรุนแรงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
  2. อาการบวมและปวดมักจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 3–7 วัน แต่รอยเขียวช้ำอาจอยู่ได้นานกว่านั้น
  3. ในบางกรณีอาจเกิดการอักเสบ ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยด่างหรือสีผิวผิดปกติได้ รอยเหล่านี้อาจคงอยู่ได้เป็นเวลาหลายเดือน
  4. เพื่อป้องกันการอักเสบ ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่เป็นเวลา 1–2 สัปดาห์หลังทำหัตถการ
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือเกาบริเวณที่ฉีดบ่อยๆ เป็นเวลา 2–3 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการเขียวช้ำ
  6. ฟิลเลอร์จะละลายบางส่วนทันทีหลังทำ แต่ไม่ละลายหมด 100% จึงแนะนำให้รออย่างน้อย 1–2 สัปดาห์ก่อนพิจารณาทำหัตถการเพิ่มเติม
  7. อาจเกิดอาการแพ้บริเวณที่ฉีดได้ หากมีอาการผิดปกติใดๆ กรุณาติดต่อคลินิกทันที
  • ข้อควรระวังหลังทำเลเซอร์กำจัดขน
  1. หลังทำทันที บริเวณผิวหนังอาจมีอาการแดง รู้สึกแสบร้อนหรือเป็นตุ่มนูนเล็กๆ ได้
  2. ขนจะเริ่มหลุดร่วงออกอย่างช้าๆ ภายใน 1–2 สัปดาห์หลังทำ ไม่ได้หลุดทันทีหลังทำ
  3. ขนยังคงขึ้นได้หลังทำ ควรงดถอนหรือแว็กซ์ขนที่กำลังขึ้นอยู่ แต่สามารถโกนด้วยมีดโกนได้อย่างเบามือ
  4. ควรเว้นระยะห่างในการทำเลเซอร์ครั้งถัดไปประมาณ 4–8 สัปดาห์ แม้ทำเกิน 5 ครั้งแล้ว ขนก็อาจยังขึ้นได้บ้าง
  5. ผลลัพธ์และระยะเวลาการกำจัดขนแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
  6. บริเวณที่ทำอาจรู้สึกไวหรือระคายเคืองได้นานหลายวัน การประคบเย็นทันทีหลังทำจะช่วยบรรเทาอาการได้
  7. ผิวอาจไวต่อแสงและเกิดการอักเสบของรูขุมขนหรือรอยด่างสีผิวชั่วคราว ซึ่งอาจอยู่ได้นานเป็นหลายเดือน
  8. เพื่อป้องกันการอักเสบของรูขุมขน ควรงดดื่มแอลกอฮอล์ในวันทำ และงดสัมผัสน้ำ เช่น ว่ายน้ำ ซาวน่า จนกว่าผิวจะฟื้นตัวดีแล้ว
  9. หากมีอาการคัน ผื่นลมพิษ หรือแสบบริเวณที่ทำ อาจเป็นสัญญาณของการอักเสบกรุณาติดต่อคลินิกทันที
  10. ควรทาครีมกันแดดบริเวณที่ทำอย่างเคร่งครัด เพราะรอยด่างสีผิวอาจเกิดขึ้นและอยู่ได้นานหลายเดือน
  • ข้อควรระวังหลังทำ Pico Fraxel
  1. ประมาณ 1–3 ชั่วโมงหลังทำ อาจรู้สึกเหมือนผิวถูกแดดเผาและมีอาการเจ็บเล็กน้อย บริเวณที่ทำอาจแดงและบวมได้นาน 3–7 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
  2. อาจมีสะเก็ดเล็ก ๆ และลอกของผิวบริเวณที่ทำ สะเก็ดจะหลุดร่วงประมาณ 1 สัปดาห์หลังทำ รอยแดงมักจะจางหาย แต่ระยะเวลาการฟื้นฟูผิวแตกต่างกันในแต่ละคน และควรดูแลผิวอย่างต่อเนื่องหลังสะเก็ดหลุด
  3. ผิวจะค่อนข้างแห้งหลังทำ ดังนั้นควรทาครีมบำรุงและครีมฟื้นฟูผิวอย่างสม่ำเสมอ
  4. ทาครีมกันแดดอย่างทั่วถึงเสมอ เพราะทาแค่ครั้งเดียวไม่เพียงพอ แนะนำให้ใช้กันแดดแบบสเปรย์ทาทับเมคอัพด้วย การโดนแดดมากเกินไปอาจทำให้เกิดรอยด่างดำได้ ซึ่งอาจอยู่นานเป็นหลายเดือน ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในช่วงหลังทำ
  5. หลีกเลี่ยงการกระตุ้นผิวแรง ๆ เช่น การนวดแบบลึกหรือนวดต่อมน้ำเหลืองเป็นเวลา 2–3 สัปดาห์หลังทำ
  6. อาการแพ้เกิดขึ้นได้น้อยมาก หากมีอาการแพ้ให้รีบติดต่อคลินิกทันที
  7. งดดื่มแอลกอฮอล์และเข้าซาวน่าในช่วงระหว่างทำ เพื่อป้องกันการอักเสบ การขยายของหลอดเลือด และลดประสิทธิภาพของการรักษา
  8. ในบางกรณีอาจเกิดการอักเสบหรือแผลไหม้ ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยด่างดำ หากรู้สึกร้อนมาก คัน มีผื่นลมพิษ น้ำเหลืองไหล หรือมีตุ่มน้ำใบบริเวณที่ทำ กรุณาติดต่อคลินิกทันที
  9. งดล้างหน้าและแต่งหน้าประมาณ 2–3 วันหลังทำ หากต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ให้เลือกสูตรอ่อนโยนและไม่ระคายเคือง
  • สำหรับผิวหนัง
  • สำหรับหนังศีรษะ / ผมร่วง
  • สำหรับเส้นเลือด
  • ข้อควรระวังทั่วไป
  • ข้อควรระวังอื่น ๆ
  1. รอยช้ำและอาการบวมบริเวณที่ทำมักจะดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์
  2. สามารถล้างหน้าและอาบน้ำได้ตั้งแต่วันถัดไปหลังทำ แต่หลีกเลี่ยงการถูหรือขัดถูแรง ๆ บริเวณที่รักษา
  3. หากมีสะเก็ดเกิดขึ้น ให้ปล่อยให้หลุดลอกเองตามธรรมชาติ ห้ามแกะหรือดึง
  1. รอยช้ำและอาการบวมที่หนังศีรษะมักดีขึ้นภายใน 1–2 สัปดาห์
  2. อาจรู้สึกเจ็บบริเวณที่ทำประมาณ 2–3 วัน
  3. สามารถสระผมได้หลังทำ 24 ชั่วโมง แต่ควรหลีกเลี่ยงการถูแรง ๆ บริเวณที่รักษา
  4. หากมีสะเก็ด ให้ปล่อยให้หลุดลอกเองตามธรรมชาติ
  1. รักษาความอบอุ่นของร่างกายเพื่อช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี
  2. อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน
  1. เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  2. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้อักเสบ และแผ่นแปะบรรเทาอาการปวด (เช่น แผ่นแปะร้อนหรือเย็น) เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพราะอาจรบกวนการฟื้นฟูของเซลล์ต้นกำเนิด
  3. หากมีอาการปวดมาก สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล (Tylenol) ได้
  4. ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยาสมุนไพรหรืออาหารเสริมอื่น ๆ
  1. ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งเลือดไม่สามารถรับการรักษานี้ได้ (เนื่องจากใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวเอง)
  2. กรุณาหยุดใช้ยากลุ่มแอสไพรินอย่างน้อย 7 วันก่อนเข้ารับการรักษา (เพราะอาจรบกวนกระบวนการแยกเซลล์ต้นกำเนิด)
  3. หลังทำการรักษาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการใช้สเตียรอยด์ แผ่นแปะยา ยาแก้อักเสบ และยาสมุนไพรที่ไม่ได้รับการยืนยันความปลอดภัย
  4. ควรงดใช้ยา NSAIDs (ยาแก้ปวดและแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะอาจรบกวนการฟื้นฟูของเซลล์ต้นกำเนิด
  5. หลังทำการรักษา อาจมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ปวดกล้ามเนื้อ หรือรู้สึกร้อนและเจ็บบริเวณที่รักษา ซึ่งอาการเหล่านี้มักดีขึ้นภายใน 2–3 สัปดาห์
  6. หากรู้สึกปวดหลังทำ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล (Tylenol) ได้ แนะนำให้ใช้ยาบรรเทาปวดชนิดง่ายที่ไม่มีส่วนผสมของยาต้านอักเสบ